มอบตัวกับกองปราบฯ แล้ว ว่าที่แม่ผัวโหดจ้างฆ่าเภสัชกรสาวท้อง 3 เดือน เหตุเกิดที่ อ.ควนเนียง จ.สงขลา เจ้าตัวยังปากแข็ง อ้างถูกใส่ร้าย ไม่ขอพูดประเด็นปลอมแปลงใบมรณบัตร ตำรวจเตรียมขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิด รวมทั้งบุตรสาวผู้ต้องหานำหลักฐานการตายเท็จไปแจ้งกับศาลจังหวัดสงขลา ขอเงินประกันคืน 5 ล้านบาท
ที่ บก.ป. เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 พ.ย. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ พงส.ผนพ. กก.6 บก.ป.แถลงข่าวนางจุรี จันทร์งาม อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ สช.75/2558 ลงวันที่ 24 มี.ค.58 ในข้อหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นและความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนโดยมีพฤติการณ์หลบหนี เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.50 เกิดเหตุ คนร้ายใช้ปืนยิง น.ส.ริ้วแพร โชติการ อายุ 26 ปี เภสัชกร รพ.ควนเนียง ที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน เสียชีวิตพร้อมนายอดิศร์ ประทีปทัศน์ พนักงานจัดยา เหตุเกิดที่คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ต่อมาชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา สามารถจับนายนรินทร์ จันทร์ฉาย อายุ 36 ปี และ นายจำนง คงสุวรรณ อายุ 40 ปี ไว้ได้ก่อนทั้งคู่ให้การซัดทอดว่านางจุรีเป็นผู้จ้างวานให้ก่อเหตุยิงน.ส.ริ้วแพรในราคา 500,000 บาท โดยนายอดิศร์ ผู้เสียชีวิตอีกรายนั้นเผอิญเคราะห์ร้ายถูกลูกหลง จากแนวทางการสืบสวนทราบว่าสาเหตุที่นางจุรีจ้าง วานมือปืนสังหาร น.ส.ริ้วแพร เพราะไม่ต้องการให้ผู้ตายเข้าพิธีแต่งงานที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ธ.ค.50 กับนายวิกรม จันทร์งาม อายุ 36 ปี บุตรชาย ที่ทำงานเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ซ้ำยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูล เนื่องจากนางจุรีเห็นว่าทางบ้านมีฐานะดีระดับเศรษฐีมีหน้ามีตาในพื้นที่ ถึงกับเคยเอ่ยปากว่าหากไม่ล้มเลิกงานแต่งคงได้จัดงานศพแทน
ภายหลังตำรวจขออำนาจศาลออกหมายจับนางจุรีและสามารถจับกุมตัวไว้ได้ กระทั่งสรุปสำนวนส่งฟ้องคดี ในชั้นอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายจำนง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือทั้งสอง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิต เมื่อคดีถึงชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยนางจุรีวางหลักทรัพย์มูลค่า 5 ล้านบาท เพื่อประกันตัวระหว่างที่คดีอยู่ในชั้นฎีกา น.ส.รัศมี จันทร์งาม บุตรสาวของนางจุรียื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลา ขอจำหน่ายคดีอ้างว่า นางจุรีจำเลยในคดีถึงแก่ความตาย ที่บ้านพักใน ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 57 ฌาปนกิจศพที่วัดมณีสพ ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร มีหลักฐานเป็นใบมรณบัตรออกโดยฝ่ายปกครอง อ.ท่าแซะ จากนั้นไม่นานนางฤดีมาศ สิงห์มณี อายุ 55 ปี มารดาของ น.ส.ริ้วแพร ผู้เสียชีวิต เข้าร้องเรียนกับ พงส.กก.6 บก.ป.ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพราะเชื่อว่านางจุรียังไม่เสียชีวิต อัยการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้คัดค้าน ได้ยื่นศาล สืบพยาน 6 ปาก คือ เจ้าหน้าที่รับแจ้งการตาย ปลัดอำเภอ สัปเหร่อ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสและเจ้าอาวาสวัดมณีสพ รวมทั้ง ร.ต.ท.สิทธิพร ขันธ์พระแสง พงส.สภ.เมืองชุมพร ต่างยืนยันว่าไม่มีการจัดงานศพและเผาศพนางจุรี ทั้งไม่มีพยานพบเห็นศพนางจุรี ทำให้ทราบเป็นที่แน่ชัดว่านางจุรี ยังไม่ถึงแก่ความตายตามที่กล่าวอ้าง เชื่อว่านางจุรีมีพฤติกรรมหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ต่อมาศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาลับหลังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนายนรินทร์ จำเลยอีกรายศาลพิพากษายืนประหารชีวิต
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป.พร้อมกำลัง นำหมายศาลจังหวัดสงขลา เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 83/132-140 และบ้านพักต่างๆ รวม 10 หลัง ในพื้นที่ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของนายสมศักดิ์ วาณิชสุวรรณ หรือ “โกหมิ่น หาดใหญ่” เจ้าของห้างทอง และเซียนพระชื่อดัง ผู้กว้างขวางในพื้นที่ เพื่อติดตามตัวนางจุรี แต่ไม่พบตัวเนื่องจากผู้ต้องหาไหวตัวทันหลบหนีออกนอกพื้นที่เข้ามาหลบซ่อนตัวใน กทม. โดยชุดสืบสวน กก.6 บก.ป. ดำเนินการกดดันอย่างต่อเนื่อง กระทั่งญาติของนางจุรีประสานแจ้งตำรวจขอเข้ามอบตัว
เบื้องต้นนางจุรี ให้การปฏิเสธอ้างว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นฝ่ายถูกใส่ร้ายและไม่ได้เป็นผู้จ้างวานมือปืนให้ไปก่อเหตุสังหาร น.ส.ริ้วแพร ว่าที่ลูกสะใภ้แต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้รู้จักกับนายนรินทร์มาก่อน ส่วนการแจ้งความเท็จการขอออกใบมรณบัตร ไม่ขอกล่าวถึงเพราะเรื่องนี้ผ่านมานานแล้ว อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนและศาลมีคำพิพากษาแล้ว หลังจากนี้จะขยายผลตรวจสอบว่ามีผู้ใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมทั้งกรณีการแจ้งความเท็จขอออกใบมรณบัตรจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พงส.กก.6 บก.ป.เตรียมพิจารณาเชิญตัวนายสมพจน์ นวลพงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่เป็นผู้รับรอง การเสียชีวิตของนางจุรีมาสอบปากคำ พร้อมเรียกนายอาคม ตรงอิทธิกุล หรือ “โกคิ้ม” หัวหน้ามูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ และ น.ส.รัศมี จันทร์งาม บุตรสาว ผู้ต้องหาที่นำหนังสือรับรองการเสียชีวิตไปยื่นเป็นหลักฐานการตายของนางจุรี แสดงต่อศาล จังหวัดสงขลา เพื่อขอเงินประกันคืน 5 ล้านบาท
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/540149