หมวดหลัก
รฟ.มรณะ-ปมสับราง ตาย7เจ็บ88
6 ตุลาคม 2552
สยอง"เขาเต่า" ตกรางพังวินาศ ด่วนตรัง-กทม. ตั้งกก.สอบสวน เร่งกู้เปิดใช้วันนี้ "มาร์ค"รุดดูเอง
สยอง - สภาพขบวนรถไฟสายตรัง-กรุงเทพฯเกิดอุบัติเหตุตกรางที่หน้าสถานีรถไฟเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ศพและบาดเจ็บอีก 88 ราย โบกี้โดยสาร 14 โบกี้พังยับเยิน เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 5 ต.ค.
สยอง "เขาเต่า" หัว หิน รถไฟมรณะจากตรังเข้ากรุงเทพฯ ตกรางพังวินาศ 14 โบกี้อัดกระแทก แหลกเละ ผู้โดยสารตายคาซาก 7 ศพ ผู้หญิง มีเด็กวัย 2 ขวบด้วย บาดเจ็บระนาวอีก 88 ลำเลียงส่งร.พ.กันโกลาหล ท่ามกลางฝนกระหน่ำ ทุลักทุเล ผู้โดยสารแฉนาทีสยอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงชนโครม หลายคนกระเด็นจากโบกี้ หวีดร้องกันระงม จนท.ระดมกู้ซาก ทำรถไฟสายใต้อัมพาต ร.ฟ.ท.ตั้งกรรมการสอบหาปม มุ่งทั้งคนบกพร่องและอุปกรณ์ผิดพลาด เบื้องต้นสงสัยสับรางกระชั้นชิด และสัญญาณขัดข้อง ขีดเส้นรู้ ผล 5 วัน นายกฯ รุดดูที่เกิดเหตุ จี้หาเหตุ รวมทั้งช่วยผู้บาดเจ็บ ครอบครัวคนตาย สลดแม่เฒ่าชาวตรัง สูญเสียลูกสาว 2 คน
-รถไฟตกราง-สยอง"เขาเต่า"
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 5 ต.ค. พ.ต.ท.อุดม ใจนุ่ม พนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ รับแจ้งอุบัติเหตุรถไฟตกราง ที่สถานีรถไฟเขาเต่า ต.หนองแก อ.หัวหิน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก หลังรับแจ้งจึงนำกำลังตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรร เทาสาธารณภัยเขต 4 หน่วยกู้ชีพ ร.พ.หัวหิน ร.พ.ปราณบุรี ร.พ.สามร้อยยอด และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ รุดไปยังที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงพบขบวนรถด่วนที่ 84 ตรัง-กรุง เทพฯ มีทั้งหมด 14 โบกี้ ในจำนวนนี้ตกราง 8 โบกี้ และอีก 6 โบกี้พลิกตะแคง อยู่ในสภาพพังยับเยินไม่มีชิ้นดี โดยเฉพาะโบกี้ที่อยู่ติดกับหัวรถจักร ซึ่งเป็นตู้ที่พักของพนักงานรถไฟ มีสภาพตัวถังฉีกขาดพังยับเยินขวางอยู่บนรางรถไฟ ส่วน หัวรถจักรก็เสียหายอย่างหนักเช่นกัน ตรวจสอบในเบื้องต้นมีผู้โดยสารบาดเจ็บ ประมาณ 60-70 คน จึงลำเลียงส่งร.พ.ต่างๆ ในอ.หัวหิน และพื้นที่ใกล้เคียง ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และพบผู้เสียชีวิต 7 ศพ ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงท้องแก่ 1 ราย และเด็กผู้หญิง 1 ราย
-แฉนาทีวินาศ-โบกี้แหลก
จากการสอบสวนทราบว่า รถไฟขบวนดังกล่าวมีนายเริงศักดิ์ พันธ์เทพ เป็นพนักงานขับรถ และนายอุทัย รักษาเขต ทำหน้าที่พนักงานรักษารถ ส่วนหัวหน้าสถานีรถไฟเขาเต่า คือนายบวรเกียรติ หนักแน่น และนายศิลา หนึ่งประดับ เป็นผู้ช่วยหัวหน้านายสถานี โดยขบวนรถออกจาก จ.ตรัง เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุวิ่งมาด้วยความเร็วสูงก่อนจะถึงสถานีเขาเต่า ประมาณ 100 เมตร จู่ๆ ก็ตกราง ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นคาดว่า อาจมาจากการสับรางในระยะกระชั้นชิด หรืออุปกรณ์สับหลีกรางอาจไม่ทำงาน เมื่อมาถึงจุดสับรางขบวนรถจึงตก เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ด้านน.ส.รวิชฎา สีสุข อายุ 24 ปี ชาว จ.ตรัง หนึ่งในผู้โดยสาร กล่าวว่า นั่งอยู่ในโบกี้ที่ 3 ระหว่างทางนอนหลับ กระทั่งเวลาประมาณ 05.00 รู้สึกว่ารถไฟโคลงเคลง และไฟดับ จากนั้นได้ยินเสียงดัง ก่อนขบวนรถพุ่งชนกัน เห็นผู้โดยสารบางคนกระเด็นออกนอกตัวรถ หลายคนบาดเจ็บ ร้องกันระงม จึงพยายามตะเกียกตะกายออกมาจากซากโบกี้ จากอุบัติเหตุครั้งนี้ อาจจะไม่โดยสารรถไฟอีกแล้ว ทั้งที่เชื่อว่าโดยสารรถไฟปลอดภัยที่สุด
-บาดเจ็บ 68 ราย-สาหัสอื้อ
สำหรับผู้บาดเจ็บถูกนำส่งร.พ.หัวหิน 16 ราย ต้องได้รับการผ่าตัดด่วน 3 ราย คือนายคำดี ทองประดับ บาดเจ็บช่องท้อง, นางสุธาทิพย์ นวลสุมา แผลฉีกขาดแขนขวาและเท้า และนายริชาร์ค สปราวเดด อายุ 43 ปี ชาวอังกฤษ กระดูกซี่ โครงหัก ส่วนที่เหลือประกอบด้วย นายสันติ แพ้วิรุฬ, น.ส.ปานแก้วตา นวลหนู, นางปิยะจิตร เหลืองเพชรงาม, นายราชทูล สิงสัญญาณ, นายอุทัย รักษาเขต, ด.ญ.หยก ไม่ทราบนามสกุล, น.ส.ปาทิตา อัญริยกิตติกุล, น.ส.ปานทิพย์ นวลหนู, นางสมจิต ภักภมรศรี, นายเกษม แสงสว่าง, นายบวรรัตน์ เสือทิม, น.ส.อรสา ดิลกคุณา นันท์ และนางสุดารัตน์ คงชัย
ส่วนที่ร.พ.ปราณบุรี มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือ น.ส.วรรณทนา นิลวัชรมณี มีอาการเจ็บหน้าอก และที่ร.พ.ซานเปาโลหัวหิน มี 5 ราย คือ นางสายใหม่ วิสุทธิพันธ์ ศีรษะบวม, น.ส. จิรา ไชยการ เจ็บเอว, น.ส.นันทา เพียลาภ ปวดต้นคอ, นายปิยนันท์ พฤกพันธ์รักษ์ มีแผลฉีกขาดที่ศีรษะ และน.ส.ชอุ่ม แสงสุข มีแผลฉีกขาดที่เข่าขวา ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ที่แพทย์รักษาและให้กลับบ้านแล้ว มีที่ร.พ.หัวหิน 35 ราย, ร.พ.ปราณบุรี 3 ราย, ร.พ.ซานเปาโล 6 ราย และร.พ.ค่ายธนะรัชต์ 2 ราย รวมมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 68 ราย
-ตายคาที่ 7 ศพ-ผู้หญิงกับเด็ก
สำหรับผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เป็นผู้หญิงทั้ง 7 ศพ ประกอบด้วย นางอรพินธ์ ใจจิตร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ที่ 1 ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง, นางนฤมาณ นายะสุนทรกุล อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/53 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี, ด.ญ.กนกลักษณ์ ถาบุญเลือง อายุ 2 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 1 ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง, น.ส.กัลยา สมจริง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 5 ต.เขากรอบ อ.ห้วย ยอด จ.ตรัง น.ส.วิมล สมจริง อายุ 41 ปี น้องสาวของน.ส.กัลยา, นางบวรรัตน์ ทียะเวช อายุ 45 ปี อยู่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และน.ส. สันติฤทัย นิ่ม อายุ 39 ปี ไม่ทราบที่อยู่
-รฟ.ใต้อัมพาต-เร่งกู้ซาก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ระดมกำลัง พร้อมทั้งนำรถเครนมากู้ซากรถไฟ เพื่อค้นหาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตที่อาจหลงเหลืออยู่ในใต้ซาก และเคลียร์เส้นทาง เพราะหลังเกิดเหตุทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศหยุดเดินรถในภาคใต้หลายขบวน อย่างไรก็ตาม การกู้ซากเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากหลายโบกี้อยู่ในสภาพชนอัดก๊อบปี้ และมีน้ำหนักมาก รถเครนธรรมดาไม่สามารถยกขึ้นได้ ต้องประสานขอรถเครนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 จ.ประ จวบคีรีขันธ์ ที่มีขนาดใหญ่เข้ามาช่วย
วินาศ- สภาพยับเยินของขบวนรถไฟสายตรัง-กรุงเทพฯ เกิดอุบัติเหตุตกรางที่หน้าสถานีรถไฟเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เสียชีวิต 7 ศพ เจ็บอีก 88 ราย โบกี้โดยสาร 14 โบกี้พังยับเยิน เหตุเกิดเช้ามืดวันที่ 5 ต.ค.
ต่อมา เวลา 08.30 น. นายวีระ ศรีวัฒนะตระ กูล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาอำนวยความ สะดวกในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บตามร.พ.ต่างๆ ขณะเดียวกัน ในการกู้ซาก คาดว่าอาจจะใช้เวลามากกว่า 1 วัน นอกจากนี้ หน่วย งานในพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือการปฏิบัติงาน ขณะที่เทศบาลเมืองหัวหินตั้งกองอำนวยการส่วนหน้า เพื่อประสานงานระหว่างหน่วยงาน และรับแจ้งเหตุแจ้งคนหาย ทางกองพลทหารราบที่ 15 และกองบิน 5 นำกำลังพลเข้าช่วยขนย้ายสิ่งของ และอำนวยความสะดวกการจราจร สำหรับทรัพย์สินของผู้โดยสารที่ตกค้างอยู่ในโบกี้ ทางเจ้าหน้าที่จะนำไปเก็บไว้ที่สถานีรถไฟหัวหิน และสถานีรถไฟเขาเต่า
-ตั้งกก.สอบ-จากคนหรืออุปกรณ์
จากนั้นเวลา 12.30 น. นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ และร.พ.หัวหิน โดยนายโสภณกล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ แต่เท่าที่ทราบมีขบวนรถฝ่าสัญญาณไฟมา สถานีรถไฟเขาเต่าจึงพยายามสับรางให้ขบวนรถหยุดให้ได้ จะมาจากสัญญาณขัดข้อง หรือมาจากคน ต้องรอผลการสอบสวนให้แน่ชัดก่อน อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์เรื่องความสำคัญในการพัฒนาระบบ โดยคนที่จะต้องบริหาร จัดการ และระบบรถ จากครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาให้ได้ แก้ไขข้อบกพร่อง เพราะขณะนี้รู้ต้นสายปลาย เหตุแล้ว
ด้านนายยุทธนากล่าวว่า กรณีผู้เสียชีวิต ทาง ร.ฟ.ท.จะจ่ายชดเชยให้ 100 เปอร์เซ็นต์ และจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลอย่างครบถ้วนแก่ผู้บาดเจ็บ โดยสั่งการในเบื้องต้นให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และรายงานผลถึงสาเหตุภายใน 5 วัน คาดว่าใช้เวลามากกว่า 1 วัน ในการกู้ซาก ส่วนผู้ที่จองตั๋วโดยสาร แต่ไม่สามารถเดินทางได้ในวันที่ 5 ต.ค. สามารถติดต่อขอคืนตั๋วได้ตามสถานีที่ซื้อตั๋ว หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ 1690 ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ตั้งประเด็นกว้างๆ ได้ แก่ สภาพภูมิอากาศ วัสดุอุปกรณ์ และความผิดพลาดของบุคคล
-เผยสภาพรถเก่า-รุ่นโบราณ
รายงานข่าวจากร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา การให้บริการของร.ฟ.ท.ไม่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นขบวนรถล่าช้า และไม่ตรงต่อเวลา เป็นผลมาจากอุปกรณ์และเครื่องมือ ทั้งรถจักร ล้อเลื่อน และขบวนรถมีสภาพเก่า ชำรุดทรุดโทรม มีอายุการใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 20 ปี อีกทั้งที่ผ่านมาไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล ในเรื่องงบประมาณจัดหารถจักรและขบวนรถใหม่ รวมทั้งขาดแคลนงบซ่อมบำรุงรักษารถ ให้อยู่ในสภาพที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง แต่เป็นการซ่อมเพื่อให้สามารถใช้งานได้เท่านั้น
จากข้อมูลจำนวนรถโดยสารและดีเซลรางในบัญชีมีอยู่ 1,352 คัน สามารถใช้งานได้ในสัดส่วนประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือกว่า 500 คัน ชำรุดเสียหาย และอยู่ระหว่างซ่อมบำรุง ส่วนจำนวนรถจักรของร.ฟ.ท. ขณะนี้มีอยู่ 256 คัน ประกอบด้วยรุ่นจีอีเอ ใช้งานมาแล้ว 13 ปี, รุ่นฮิตาชิ ใช้งานมาแล้ว 16 ปี รุ่นอัลสธอม ใช้งานมาแล้ว 34 ปี และรุ่นจีอี ใช้งานมาแล้ว 43-45 ปี ส่วนใหญ่รถจักรมีอายุการใช้งานมาก เพราะไม่ได้รับอนุมัติให้สั่งซื้อมานาน ในขณะที่ความต้องการใช้งานจริงมากกว่า 155 คันต่อวัน แต่สามารถให้บริการได้จริงเพียง 137 คันต่อวันเท่านั้น
-บางรุ่นไม่มีอะไหล่-รางก็ห่วย
ข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของขบวนรถดีเซลราง ประกอบด้วย รถธรรมดา อายุการใช้งาน 24-25 ปี รถปรับอากาศอายุใช้งาน 13-24 ปี ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรถสปรินเตอร์ รถแดวู และรถกำลังไม่มีห้องคนขับ รถเหล่านี้มีสภาพที่เก่าแก่มาก ต้องซ่อมบำรุงเพื่อให้สามารถใช้งาน บางครั้งไม่ สามารถปรับเปลี่ยนอะไหล่เมื่อครบอายุการใช้งานจริง แต่ใช้วิธีซ่อมบำรุงเพื่อให้ใช้งานได้ รวมทั้งขบวนรถอีกไม่น้อยที่อยู่ในสภาพชำรุดเสียหาย ไม่สามารถซ่อม หรือหาอะไหล่ได้แล้ว เพราะโรงงานเลิกผลิต
สำหรับรถโดยสาร แบ่งเป็นรถโดยสาร ชั้น 1 ปรับอากาศ อายุเฉลี่ย 12 ปี รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 มีอายุ 23-34 ปี และรถโดยสารชั้น 3 อายุ 27-94 ปี ขณะที่รถสินค้า ประกอบด้วยรถคอนเทนเนอร์ อายุ 12-27 ปี, รถก๊าซ อายุ 11-22 ปี, รถน้ำมัน อายุ 14-52 ปี และรถปูน อายุ 12-22 ปี ส่วนปัญหาการบำรุงรักษาทางนั้น จะปรับเปลี่ยนไม้หมอนเมื่อหมดอายุการใช้งาน รางที่เสียหายชำรุดไม่ได้รับการซ่อมแซม จากข้อมูลพบว่ารางที่อยู่ในสภาพดีมาก มีเพียง 24 เปอร์เซ็นต์ รางที่อยู่ในสภาพดี 38.6 เปอร์เซ็นต์ และรางที่อยู่ในสภาพพอใช้ได้ 28.5 เปอร์เซ็นต์
-บขส.จัดรถสายใต้รองรับ
วันเดียวกัน นายมะสามัน ดือราปู นายสถานี เดินรถหาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า หลังจาก ร.ฟ.ท.ประกาศหยุดให้บริการรถไฟสายใต้ทุก ขบวนในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ทางสถานีขนส่งหาด ใหญ่เตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสาร ที่คาด ว่าจะหันมาใช้บริการรถโดยสารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักหาดใหญ่-กรุงเทพฯ ทั้งรถบ.ข.ส. และรถร่วมที่มีอยู่ 19 เที่ยวต่อวัน หากไม่เพียงพอก็จะนำรถป้าย 30 เป็นรถโดย สารไม่ประจำทางมาเสริม ตามจำนวนผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางเพื่อไม่ให้ตกค้าง
นายสถานีเดินรถหาดใหญ่ กล่าวต่อว่า ผู้โดยสารสามารถมาซื้อตั๋วเดินทางได้ที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ ตามปกติ แต่ควรซื้อตั๋วโดยสาร ของรถบ.ข.ส. รถร่วม หรือรถที่สถานีขนส่งจัดให้เท่านั้น เพื่อป้องกันรถทัวร์เถื่อน หรือทัวร์ผี ที่มาชักจูงให้ซื้อตั๋วเดินทาง เพราะอาจจะไม่ได้รับความสะดวก ผู้โดยสารสามารถมาซื้อตั๋วเดินทางที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ได้ตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกับการให้บริการในเส้นทางจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ที่รถไฟวิ่งผ่าน เช่น พัทลุง นครศรี ธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพร มั่นใจว่ามีรถเพียงพอรองรับผู้โดยสารได้ในทุกเส้นทาง
-สธ.สั่งระดมช่วยผู้บาดเจ็บ
ส่วนนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและรองรับประชาชนที่ต้องการเดินทางในเส้นทางเดินรถภาคใต้ สั่งการให้รถบ.ข.ส.และรถร่วม เตรียม ความพร้อม เพิ่มเที่ยววิ่งในเส้นทางภาคใต้ทุกเส้นทางอีก 20 เปอร์เซ็นต์ จากเที่ยววิ่งปกติวันละ 1,100 เที่ยว สามารถรองรับผู้โดยสารได้วันละประมาณ 52,800 คน มั่นใจว่าจะสามารถรองรับประชาชนที่มาใช้บริการรถบ.ข.ส.ในช่วงนี้ได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 1490 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สั่งการให้ระดมหน่วยแพทย์กู้ชีพจาก ร.พ.ต่างๆ ในจ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 10 ทีม พร้อมเครื่องมือแพทย์ รถพยาบาล เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และสั่งการให้ร.พ.หัวหิน ซึ่งเป็นศูนย์อุบัติเหตุใหญ่ ระดมแพทย์ผ่าตัดเฉพาะทาง เตรียมพร้อมคลังเลือด และห้องผ่าตัด ให้การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ดีที่สุดและฟรี โดยให้ น.พ.นิรันดร์ จันทร์ตระกูล ผอ.ร.พ.หัวหิน เป็นผู้บัญชาการศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเบื้องต้น
-เสนอเปลี่ยนรางใหญ่และคู่
ด้านนายถวัลรัฐ อ่อนศิระ ประธานคณะกรรม การร.ฟ.ท. กล่าวว่า คาดว่ารถต้องแล่นมาด้วยความเร็วสูง เพราะปกติแล้วโบกี้รถไฟจะไม่ฉีกขาด หากเป็นการตกรางในช่วงที่ใกล้ถึงทางหลีก เพราะรถไฟจะต้องชะลอความเร็ว แต่เท่าที่ทราบคือรถไม่ได้ชะลอความเร็วลงอย่างที่ควรจะเป็น จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุมีคนเสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ต้องสอบสวนต่อไปว่าเกิดจากความผิดพลาดของพนักงานขับรถ หรือเกิดจากราง หากพบว่าเกิดจากพนักงาน ต้องลง โทษให้ถึงที่สุด
ที่รัฐสภา นายจารึก อนุพงษ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินการช้าไปในการแก้ ไขปัญหารถไฟ ทั้งที่สามารถปรับปรุงประสิทธิ ภาพของรางได้ อาทิ ต้องเปลี่ยนขนาดรางให้ใหญ่ขึ้น และปรับปรุงประสิทธิภาพรางเดิม เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น จึงร้ายแรงมากกว่าปกติ นอก จากนี้ กรรมาธิการพบว่ามีการใช้งบประมาณของโครงการไทยเข้มแข็ง 2 ก่อสร้างทางรถ ไฟสาย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไป จ.นครราชสีมา มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ทั้งที่สามารถใช้งบฯ ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ หากเลือกเส้นทางเดิมที่มีอยู่แล้ว คือมาบกระเบา จ.สระบุรี ถึง จ.นครราชสีมา จะใช้งบฯ แค่ 40,000 ล้านบาท แต่จะได้รถไฟรางคู่ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
-นายกฯเครียด-รุดที่เกิดเหตุ
กระทั่งเวลา 16.10 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุรถไฟตกรางที่สถานีรถไฟเขาเต่า โดยมีนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข และวิศวกรของร.ฟ.ท. รายงานสถานการณ์และการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เมื่อนายอภิสิทธิ์ได้รับฟังรายงาน ปรากฏว่ามีสี หน้าเคร่งเครียด โดยเฉพาะช่วงที่นายมานิตราย งานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ราย และยังรายงานให้ทราบด้วยว่า ยังมีผู้ที่ติดอยู่ภายในห้องน้ำโบกี้ที่พังเสียหาย 1 ราย ยังหาไม่พบอีก 1 ราย แต่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหา
ต่อมานายอภิสิทธิ์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งสอบ ถามถึงวิธีการช่วยเหลือ ก่อนเดินตรวจโดยรอบพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยเข้าไปยังห้องที่เป็นตู้ควบคุมการเดินรถไฟ สอบถามวิศวกรรถไฟถึงสาเหตุ โดยระบุว่า รถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วสูงถึง 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ยอมรับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานี ที่ระบุว่าจะสับหลีกราง เมื่อรับการชี้แจง นายกฯ มีสีหน้าเคร่งเครียด
-เข้าเยี่ยมถึงห้องไอซียู
จากนั้นนายกฯ สอบถามถึงผู้ได้รับบาดเจ็บที่กระจายรักษาตัวอยู่ที่ อ.หัวหิน ทั้ง 3 โรงพยา บาล โดยที่ร.พ.หัวหิน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 16 ราย กลับบ้านได้แล้ว 55 ราย รักษาที่ร.พ.ซานเปาโลหัวหิน 5 ราย และ ร.พ.ปราณบุรี 1 ราย ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางไปยัง ร.พ.หัวหิน โดยมีนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข และน.พ. นิรันดร์ จันทรตระกูล ผอ.ร.พ.หัวหิน รายงานและพาตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุบัติเหตุ และมอบกระเช้าเยี่ยมให้ผู้บาดเจ็บทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างนั้นนายกฯ ได้รับรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บชื่อนายคำดี ทองประทับ อายุ 39 ปี รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู และมีชาวต่างชาติอีกคนประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีผู้หญิงท้องแก่ 7 เดือน ชื่อนางสุธาทิพย์ นวลสุมา รวมอยู่ด้วย โดย นายกฯ สอบถามผู้ป่วยทุกราย และเข้าเยี่ยมในห้องไอซียูด้วย
-สลดแม่เฒ่าตรัง-สูญเสีย2ลูกสาว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะเดียวกัน มีนางหม่อย อินฤทธิ์ อายุ 73 ปี ชาว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เดินทางมาร.พ.หัวหิน เพื่อมารับศพลูกสาว 2 คน ที่ประสบอุบัติเหตุ พร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า มีลูก 3 คน ตอนนี้เหลือเพียงลูกผู้ชายคนกลางเพียงคนเดียว ตอนนี้เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ที่ผ่านมาลูกๆ ส่งเสียเลี้ยงดูมาโดยตลอด เมื่อมาสูญเสียลูกสาวทั้ง 2 คน ก็เหมือนหมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ตอนนี้คงไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว และจากนี้ไปก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะอยู่อย่างไร
ในเบื้องต้นทางร.ฟ.ท.แจ้งแก่นางหม่อย ว่าจะ ให้เงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ศพละ 80,000 บาท และนายโสภณให้เงินส่วนตัวอีก 20,000 บาท เมื่อนางหม่อยรับมอบเงินช่วยเหลือก็ร้องไห้ พร้อมกันนี้ทางทีมงานนายกฯ แจ้งว่า นายกฯ จะมอบเงินส่วนตัว ให้นางหม่อยด้วย แต่นางหม่อยปฏิเสธ ปรากฏว่านายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทราบเรื่อง จึงเข้ามาพูดคุยเกลี้ยกล่อม และบอกว่า ในฐานะส.ส.ในพื้นที่จะดูแลคุณยายตลอดไป แต่ขอให้จัดงานศพให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
-สั่งคมนาคมเร่งหาปมมรณะ
ถัดมาเวลา 17.45 น. นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมกำลังตรวจหาสาเหตุ เพราะรถไฟที่วิ่งขึ้นมาฝ่าสัญญาณมาแล้วถึง 2 จุด กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอยู่ ส่วนเรื่องการช่วยเหลือ กำลังเร่งช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างในห้องน้ำโบกี้อีก 1 ราย ส่วนผู้เข้ารักษาพยาบาล แพทย์ให้การรักษาปลอดภัยทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสาเหตุเกิดจากข้อบกพร่องของคน หรือเครื่องจักร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูผลสรุปก่อน เพราะเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่สถานีแจ้งไปยังพนักงานขับรถไฟให้ชะลอ แต่ไม่ตอบสนองกลับมา เมื่อถามย้ำว่ามีการคาดการณ์ว่าพนักงานขับรถไฟหลับใน นายกฯ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่มีรายงานว่าพนักงานขับรถไฟมีพฤติกรรมอย่างนี้มาก่อน จึงกำลังเร่งตรวจสอบข้อ เท็จจริง
-พบเพิ่มอีกศพในห้องน้ำโบกี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตนั้น ทุกหน่วยงานกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่อยู่ รวมทั้งอำนวยความสะดวก ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บที่รักษาพยาบาล ส่วนใหญ่การช่วยเหลือเรียบร้อยดี เหลือเพียง 1 ราย กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือ สำหรับการชดเชยนั้น ทางร.ฟ.ท.ดำเนินการไปแล้ว ส่วนเรื่องการเปิดใช้รถไฟได้เมื่อไหร่ เท่าที่ได้รับรายงานทราบว่าตัวรางรถไฟเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย คิดว่าวันที่ 6 ต.ค.นี้ น่าจะเดินรถไฟได้ตามปกติ และเมื่อถามว่าหลังจาก นี้จะต้องปรับปรุงระบบการเดินรถไฟอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องรอดูสาเหตุอีกครั้ง
จากนั้นนายกฯ และคณะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ โดยระหว่างทางแวะเข้าปั๊มน้ำมัน ปตท.ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อเติมน้ำมันรถ ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มารายงานให้ทราบว่า ผู้ที่ติดในห้องน้ำโบกี้รถไฟเป็นผู้หญิง อายุ 45 ปี เสียชีวิตแล้ว เมื่อฟังรายงานเสร็จ นายกฯ มีสีหน้าสลดลง
-พขร.เผ่น-ช่างยังให้การไม่ได้
ด้านนายโสภณ กล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องกวดขันระบบการเดินรถไฟให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่วนสาเหตุเป็นไปได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคน หรือเครื่องจักร แต่เบื้องต้นได้รับรายงานว่า รถไฟคันที่ประสบอุบัติเหตุ แล่นมาด้วยความเร็วสูง 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ได้รับสัญ ญาณจากสถานี แต่ไม่แน่ใจว่า สาเหตุมาจากคนหรือเครื่องจักร
รมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุแล้ว คาดว่าคณะกรรมการสอบกระทรวงคมนาคมจะใช้เวลาสอบไม่กี่วัน ทุกอย่างจะเรียบร้อยหมด ส่วนพนักงานขับรถไฟนั้นหลบหนีไป ขณะที่ช่างประจำรถไฟบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ในร.พ. แต่ยังให้ปากคำไม่ได้ ส่วนการเดินรถนั้น ได้รับแจ้งว่าจะสามารถกู้โบกี้รถไฟได้แล้วเสร็จในช่วงคืนวันที่ 5 ต.ค.นี้ คาดว่าเปิดเดิน รถได้อย่างช้าในช่วงเช้าวันที่ 6 ต.ค.
-สรุปยอดผู้บาดเจ็บ88ราย
ต่อมา 20.00 น. นายประสิทธิ์ บุญลิขิต นายอำเภอหัวหิน ส่งหนังสือด่วนที่สุดที่ ปข.0417/ 145 ลงวันที่ 5 ต.ค. สรุปรายงานล่าสุดถึงผวจ. ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเสนอกระทรวงมหาดไทย ระบุว่ายอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถไฟ รวมทั้งสิ้น 88 ราย แยกเป็นยังคงรับการรักษาอยู่ในร.พ.หัวหิน 13 ราย ร.พ.ซานเปาโลหัวหิน 5 ราย, ร.พ.ค่ายธนะรัชต์ 1 ราย ส่งต่อไปร.พ.อื่น 3 ราย กลับบ้านได้แล้ว 66 ราย
ส่วนผู้เสียชีวิตรวม 7 ราย ญาตินำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้ว 5 ราย อีก 2 ราย คือนางบวรรัตน์ ทีวะเวช และนางสันต์ฤทัย นิ่ม ศพยังอยู่ที่ร.พ.หัวหิน ส่วนการเก็บกู้ซากรถไฟ ศูนย์ ปภ. เขต 4 ร่วมกับการรถไฟฯ ทหาร และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิดำเนินการไปได้แล้ว 5 โบกี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงเช้าวันที่ 6 ต.ค. เชื่อว่าจะสามารถเปิดเดินรถได้
ที่มา : นสพ.ข่าวสดออนไลน์